เปิดเผยขั้นตอน “หมออี๊ด” ซีพีอาร์ละเอียดมากกรณีแบบอย่าง อีริคเซ่น

เปิดเผยขั้นตอน

เปิดเผยขั้นตอน นพ.อี๊ด ลอประยูร แนะ การช่วยชีวิตนักกีฬากรณีเกิดเหตุรีบด่วน ผู้ฝึกสอน และก็นักกีฬาทุกคน 

เปิดเผยขั้นตอน นพ.อี๊ด ลอประยูร แนะ การช่วยชีวิต นักกีฬากรณี เกิดเหตุรีบด่วน ผู้ฝึกสอน และก็นักกีฬาทุกคน รวมทั้งผู้ตัดสิน จะต้องมี วิชาความรู้พื้นฐาน และก็ให้ ความใส่ใจ กับประเด็นนี้ ไม่จำเป็น ที่ต้องเป็นกลุ่มแพทย์ ผู้ชำนาญแค่นั้น

เพื่อการช่วยเหลือ เกื้อกูลกรณี เกิดเหตุุกเฉิน ได้ทันเวลา จากในกรณีที่ “คริสเตียน อีริคเซ่น” ผู้นำกองทัพ กลุ่มชาติเดนมาร์ก สลบล้มลง ไปในสนาม ขณะกำลัง แข่งศึกฟุตบอลยูโร 2020 ที่กลุ่มโคนม กับ กลุ่มชาติฟินแลนด์

โดย เอริคเซ่น ยังมีลักษณะชัก ตัวแข็ง ตาไม่กะพริบ จนกระทั่ง สหายร่วมกลุ่ม กรูกันเข้ามา ช่วยเหลือพื้นฐาน ปัจจุบัน นพ.อี๊ด ลอประยูร ที่ปรึกษา คลินิกเวชศาสตร์ทางการกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้โพสต์เนื้อความ ผ่านเพจบุ๊คส่วนตัว

“คราวฉุกเฉิน ที่ทำให้ เป็นอันตราย ต่อนักกีฬา ในสนามแข่ง ข้อคิดเห็น ที่ควรจะรู้ กรณีนี้ จะมีความเห็นว่า นักกีฬาไม่มี การประจันหน้า อย่างหนัก กับคนใด ขณะกำลังวิ่ง อยู่แล้ว ล้มหน้าคว่ำ ลงโดยทันที

ลักษณะแบบงี้ ให้คิดถึง หัวใจหยุดเต้น แบบกะทันหัน ไว้ก่อนได้เลย บางทีอาจเป็น ฮีท สโตรก, โรคชัก, โซเดี่ยมในเลือดต่ำ, กลูโคสในเลือดต่ำ ฯลฯ แม้กระนั้น โรคเหล่านี้ ไม่มีความจำเป็น รีบด่วนเท่าการ ที่ศีรษะจิตใจ หยุดเต้น

ซึ่งจะเสียชีวิตได้ อย่างเร็ว ผู้ตัดสินผู้ตัดสิน ในสนามท่านนี้ มีความรู้ และมีความเข้าใจ อย่างดีเยี่ยม กวักมือเรียก ทีมแพทย์ในทันที แม้ว่าจะยังเข้าไม่ถึง ตัวนักกีฬา มีความหมายว่า จะต้องรู้ลักษณะ อย่างงี้อันตรายแค่ไหน

แม้กระนั้นถึงผู้ตัดสิน ไม่เรียกถ้าหาก ทีมแพทย์มองเห็น สามารถวิ่งเข้า ไปได้เลยไม่ต้องรอ ข่าวกีฬาลิเวอร์พูล

เปิดเผยขั้นตอน

การช่วยเหลือเกื้อกูลกรณีเกิดเหตุุกเฉินได้ทันเวลา จากในกรณีที่ “คริสเตียน อีริคเซ่น”

เปิดเผยขั้นตอน เพื่อนฝูงนักกีฬา เข้าถึงตัว นักกีฬา รวมทั้งเข้าไปบากบั่น ช่วยเหลือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควร กระทำเป็นอย่างมาก** (ละเว้น จะเคยผ่านการฝึกอบรม หรือมีความเชี่ยวชาญจริง) เพราะเหตุว่าการไปขยับเขยื้อน

เช่น อ้าปากพลิกตัว แบบผิดๆ อาจจะทำให้ก่อให้เกิด อันตรายต่อคนได้รับบาดเจ็บ เพิ่มจนกระทั่ง เป็นอัมพาติ หรือเสียชีวิต การล้มแบบไม่รู้ตัว ในขณะเล่นกีฬา หัวบางทีก็อาจจะฟาดพื้น อย่างแรงนำไปสู่ กระดูกคอแตกหักได้

ไม่สมควรขยับเขยื้อน คนป่วยจนกระทั่งจะมั่นใจ ในรายนี้กลุ่มแพทย์ ที่เข้าไปช่วย ก็ไม่ได้ขยับเขยื้อน นักกีฬาในทันทีทันใด อย่างแรกคนแรก ที่ไปถึงควรจะทำ เป็นวิธีการทำให้หัวไม่ขยับ โดยการใช้มือสองข้างจับที่ข้างๆ หัวนักกีฬาไว้ให้อยู่นิ่งๆ

(ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการเล่นกีฬา บางทีอาจไม่จำเป็นที่จะต้องทำ)ลำดับต่อไป เป็นการหาว่า นักกีฬาสลบหรือเปล่า โดยการตบบ่าและก็เรียกถามให้ตอบ ถ้าเกิดเงียบให้จัดว่าสลบ ไม่ต้องตรวจชีพจร หรือมองการหายใจ อะไรก็ตามทั้งมวล จัดแจงปั๊มหัวใจโดยทันที

หากเป็นนอกการแข่งขันชิงชัย สิ่งที่จะต้องทำก่อน จะมีการปั๊มเป็นการเรียกคน มาช่วยเพิ่มเติมอีก หรือให้คนตามรถพยาบาล รีบด่วน แต่ว่าสำหรับในการแข่งกีฬา จะจัดแจงสิ่งกลุ่มนี้ไว้แล้ว มองเห็นได้ว่ากลุ่มยกเปล จะวิ่งเข้ามาพร้อมเปลสนามโดยทันที

ถ้าเกิดนอกการแข่งขันชิงชัยพร้อมๆ กับการเรียกคนมาช่วยเป็นการเรียกตัว กระตุ้นหัวใจกระแสไฟฟ้า เออีดี มาไว้ แต่ว่าสำหรับการแข่งที่เตรียมความพร้อมดีอาทิเช่นในคราวนี้เครื่องจะมากับกลุ่มหมออยู่แล้วเหมือนกัน

นักกีฬาที่ล้มคะมำหรือตะแคงหน้าอยู่ การจะทำซีพีอาร์ จะต้องจับคนเจ็บให้หงายขึ้น ต้องระมัดระวังอย่างมากเป็นเรื่องกระดูกคอที่บางทีอาจหัก ฉะนั้นก็เลยควรมีกระบวนการทำที่จะต้องผ่านการฝึกหัดมาก่อน

กระบวนการหงายใช้แนวทาง “กลับท่อนซุงหรือ ล็อค โรล์” เป็นใช้คนถึงสามสี่คน คนนึงจับบริเวณหัว อีกสองถึงสามคนจับแขนขาลำตัว เพื่อทำกลับหงายให้พร้อมกันตามคำสัญญานที่นัดพบโดยให้ลำตัวกับศีรษะพลิกไปด้วยกันเป็นท่อนเดียว

เมื่อหงายคนเจ็บแล้ว ผู้ที่จับหัวจำต้องจับอยู่นิ่งๆถัดไป ในระหว่างที่คนอื่นๆให้เริ่มการปั๊มหัวใจด้วยมือที่กึ่งกลางทรวงอกในทันที เปิดฝาสิ่งกระตุ้นหัวใจกระแสไฟฟ้า แปะขั้วกระแสไฟฟ้าตามรูป แล้วหลังจากนั้นปฏิบัติงานเกี่ยวกับกระบวนการทำซีพีอาร์

และ เออีดี ถัดไป บางทีอาจใส่ โคล่า ถ้าหากมีแล้วก็ใส่เป็น ถึงจะใส่แล้วคนจับศรีษะก็ยังควรจะพยุงหัวคนปั๊มก็จะต้องปั๊มถัดไปจนกระทั่งคนป่วยจะรู้ตัวหรือเมื่อรถพยาบาลมาถึงแล้วก็รับช่วงนำคนเจ็บไปรักษา

สำหรับการช่วยชีวิตนักกีฬาในสนามแข่งจะต้องใช้ความสามารถความเชี่ยวชาญการฝึกซ้อม ซึ่งไม่จำเป็นที่ต้องเป็นทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแค่นั้น นักกีฬาหรือผู้ตัดสิน สามารถช่วยได้ถ้าได้รับการฝึกซ้อมแล้วก็มีการฝึกหัดโดยตลอดเป็นประจำ

กลุ่มแพทย์ไม่ได้มีไว้พร้อมเสมอ โดยยิ่งไปกว่านั้นเวลาการซ้อมซึ่งมีก็เพียงแต่นักกีฬาแล้วก็ผู้ฝึกสอนอยู่คุ้นเคย ทุกคนในกลุ่มกีฬาควรจะผ่านการฝึกหัดสิ่งพวกนี้อย่างต่ำสักหนึ่งครั้งหนึ่งในชีวิต

แม้กระนั้นผู้ฝึกสอนนักกีฬารวมทั้งผู้ดูแลกลุ่มจำนวนมากมองไม่เห็นจุดสำคัญคิดแต่คือเรื่องของหมอสนามเพียงแค่นั้น ต้องการอ้อนวอนให้น่าจะพอใจอยากศึกษากันไว้บ้างครับผม หลายลีกใหญ่

You may have missed